สมองเป็นอวัยวะสั่งการการทำงานของคนเรา ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าต้องดูแลรักษาให้ดีที่สุด อย่าให้เสื่อมก่อนวัยอันควร ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีอัตราของคนที่เป็นโรคสมองเสื่อมก่อนวัยอันควร ในอายุที่น้อยลง ดังนั้น เราจะมาดูแลสมองของเราด้วยกัน 9 วิธีง่ายๆ เพื่อดูแลสุขภาพสมองของเราให้สมบูรณ์
1. รับประทานอาหารเช้าเป็นกิจวัตร จะช่วยให้รักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ และมีสารอาหารไปเลี้ยงสมองอย่างพอเพียง
2. ทานอาหารแต่พอดี ไม่มากเกินไปจะทำให้หลอดเลือดในสมองไม่แข็งตัวซึ่งทำให้เกิดโรคความจำสั้น
3.ไม่สูบบุหรี่ บุหรี่เป็นอีกตัวการสำคัญที่จะไปทำลายเซลล์ของเนื้อสมอง ทำให้เกิดโรคสมองฝ่อได้ง่าย
4. ลดของหวาน การกินของหวานมากไม่เพียงทำให้เกิดโรคอ้วนแล้ว ของหวานมากๆยังไปยับยั้งการดูดกลืนของโปรตีนและสารอาหารที่มีประโยชน์ เป็นสาเหตุของการขาดสารอาหารในสมอง
5. หลีกเลี่ยงมลภาวะ สมองเป็นส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุด การสูดอากาศที่มีมลภาวะมากเกินไปจะทำให้ ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่พอ ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
6. ควรนอนให้เพียงพอ และไม่นอนคลุมโปง การอดนอนมากๆจะทำให้เซลล์สอมงตาย ส่วนการคลุมโปงจะทำให้ลดออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย
7. ไม่ใช้สมองยามป่วย การฝืนสังขารไม่เป็นผลดี กลับจะทำให้ประสิทธิภาพของสมองลดลง ส่งผลต่อสมองในระยะยาว
8. บริหารสมองเป็นนิจ คิดในเรื่องสร้างสรรค์ หรือ หัดทำเกมบริหารสมองเป็นต้น
9. พูดคุยสังสรรค์กับผู้คน การพูดเป็นตัวแสดงประสิทธิภาพของสมองเนื่องจากต้องขบคิดประเด็นที่จะต่อยอดการสนทนา
9 ข้อง่ายๆนี้ สามารถทำให้ชะลอการแก่ชราของสมองของเราได้บ้างพอสมควร อย่างไรก็ตาม การที่จะมีสุขภาพที่ดีได้คุณต้องทำด้วยตัวคุณเอง
วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555
วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555
เกร็ดความรู้เรื่อง 10 วิธีเรียนยังไงให้เก่ง
1.มีโต๊ะและเก้าอี้สำหรับนั่งเรียนหนังสือที่บ้าน จำไว้ว่าสิ่งแวดล้อมที่ดีจะช่วยให้เรามีสมาธิในการเรียน
2.ตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจนว่าจะอ่านแต่ละวิชา หรือทำการบ้านมากน้อยแค่ไหนและลงมือทำอย่างเต็มทีจนเสร็จ
3.บางวิชาที่ยากๆให้รวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ช่วยกันติว ช่วยกันเรียน ผลัดกันค้นคว้า ตั้งคำถาม จะช่วยให้เก่งกันยกกลุ่ม
4.มีเวลาอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนทุกๆวัน วันละนิดวันละหน่อย ฝึกจนเป็นนิสัย อย่าตั้งใจเรียนหนังสือเป็นพักๆ
5.ฝึกทักษะการเรียนอยู่เสมอๆ เช่น ฝึกอ่านให้เร็วขึ้น จดบันทึกเป็นระบบ จัดระเบียบความคิด และ สรุปเนื้อหาจะช่วยในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
6.นั่งใกล้ครูมากที่สุด จะได้ไม่มีอะไรมาดึง ความสนใจในการเรียนของเรา
7.ทำการบ้านหรือรายงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จทันเวลา ข้อนี้สำคัญมาก เพราะถ้าทำเสร็จเร็วเท่าไร จะมีเวลาอ่านหนังสือมากขึ้น
8.จัดลำดับความสำคัญของวิชาที่ต้องทำ เช่น วิชาไหนด่วนที่สุด หรือหัวข้อไหนไม่เข่าใจ ต้องเรียงลำดับไว้ และ ทำ ตามให้ได้
9.ทำความเข้าใจว่าครูผู้สอนแต่ละวิชามีการให้คะแนนอย่างไร คะแนนเก็บเท่าไร คะแนนสอบเท่าไร วางแผนทำคะแนนให้ดีในแต่ละส่วน
10.สำคัญที่สุดในการเรียน ก็คือมุ่งมั่นตั้งใจเรียนไม่มีใครช่วยเราได้ ถ้าตัวเราเองไม่อยากเรียนเก่ง เพราะฉะนั้นจำไว้ว่า Work Smart , Not Hard
2.ตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจนว่าจะอ่านแต่ละวิชา หรือทำการบ้านมากน้อยแค่ไหนและลงมือทำอย่างเต็มทีจนเสร็จ
3.บางวิชาที่ยากๆให้รวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ช่วยกันติว ช่วยกันเรียน ผลัดกันค้นคว้า ตั้งคำถาม จะช่วยให้เก่งกันยกกลุ่ม
4.มีเวลาอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนทุกๆวัน วันละนิดวันละหน่อย ฝึกจนเป็นนิสัย อย่าตั้งใจเรียนหนังสือเป็นพักๆ
5.ฝึกทักษะการเรียนอยู่เสมอๆ เช่น ฝึกอ่านให้เร็วขึ้น จดบันทึกเป็นระบบ จัดระเบียบความคิด และ สรุปเนื้อหาจะช่วยในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
6.นั่งใกล้ครูมากที่สุด จะได้ไม่มีอะไรมาดึง ความสนใจในการเรียนของเรา
7.ทำการบ้านหรือรายงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จทันเวลา ข้อนี้สำคัญมาก เพราะถ้าทำเสร็จเร็วเท่าไร จะมีเวลาอ่านหนังสือมากขึ้น
8.จัดลำดับความสำคัญของวิชาที่ต้องทำ เช่น วิชาไหนด่วนที่สุด หรือหัวข้อไหนไม่เข่าใจ ต้องเรียงลำดับไว้ และ ทำ ตามให้ได้
9.ทำความเข้าใจว่าครูผู้สอนแต่ละวิชามีการให้คะแนนอย่างไร คะแนนเก็บเท่าไร คะแนนสอบเท่าไร วางแผนทำคะแนนให้ดีในแต่ละส่วน
10.สำคัญที่สุดในการเรียน ก็คือมุ่งมั่นตั้งใจเรียนไม่มีใครช่วยเราได้ ถ้าตัวเราเองไม่อยากเรียนเก่ง เพราะฉะนั้นจำไว้ว่า Work Smart , Not Hard
วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2555
วิธีดูแลตัวเองเมื่อต้องเดินตากฝน
เมื่อต้องเดินตากฝน |
วิธีการดูแลรักษากรณีเดินลุยฝน
1. เริ่มต้นจากการทำเสื้อผ้าให้แห้งสนิท โดยเร็ว
2. เมื่อกลับถึงบ้านให้คุณรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทันที เหตุผลก็คือการใส่เสื้อผ้าเปียกๆ ก่อให้เกิดการหมักหมม และอาจกลายเป็นแหล่งเชื้อราโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้ และอาจทำให้คุณไม่สบายเป็นหวัด รวมไปถึงเป็นปอดบวมได้อีกด้วย
3. แน่นอนที่ถุงเท้ากับรองเท้าย่อมเปียกฝน เพราะฉะนั้นให้คุณถอดออกทันที และควรเร่งทำให้แห้งแต่โดยเร็ว
3. แน่นอนที่ถุงเท้ากับรองเท้าย่อมเปียกฝน เพราะฉะนั้นให้คุณถอดออกทันที และควรเร่งทำให้แห้งแต่โดยเร็ว
4. เราควรเรียนรู้ว่าการปล่อยให้เท้าเปียกชื้นนานๆ ส่งผลให้เท้าซีด และอาจลอกเป็นขุยได้
5. คุณต้องเข้าใจว่าหากปล่อยให้เท้าชื้นนานๆ อาจจะทำให้ติดเชื้อราได้ง่าย ทั้งนี้ โรคเชื้อราที่พบบ่อยคือ ฮ่องกงฟุต โดยเฉพาะที่บริเวณซอกนิ้วเท้า
6. เมื่อกลับมาถึงบ้าน และเท้ายังเปียกชื้น อันเป็นผลมาจากการย่ำน้ำในซอยของหมู่บ้าน ให้คุณเร่งทำความสะอาดที่เท้าด้วยการฟอกสบู่ จากนั้นก็ล้างด้วยน้ำสะอาด ต่อมาก็เช็ดเท้าให้แห้ง
7. การใช้แป้งฝุ่นทาที่เท้าหลังทำความสะอาดจะช่วยให้เท้าสบายมากขึ้น
เป็นสิวต้องใส่ใจสุขภาพ
เป็น สิว ต้องใส่ใจ สุขภาพ คนส่วนใหญ่เมื่อเป็นสิวแล้วมักจะสนใจดูแลแก้ไข ปัญหาสิว เฉพาะที่ผิวหน้าเท่านั้น ซึ่งความจริงแล้ว สาเหตุการเกิดสิว มาจากการไม่ดูแล สุขภาพ ของตัวเองทั้งหมด
ถ้าคุณมีพฤติกรรมดังต่อไปนี้ นั่นล่ะคือปัจจัยสำคัญที่นำ สิว มาสู่ใบหน้าของเรา เรามาดูกันว่ามันมีพฤติกรรมอะไรบ้างที่เสี่ยงต่อ สุขภาพ เราแล้วทำให้เกิด สิว
- อดอาหารเพื่อลดน้ำหนัก
- รับประทานอาหารรสหวานจัด หรืออาหารมันจัด
- ติดกาแฟ ชา เหล้า เบียร์ น้ำอัดลม และบุหรี่
- รับประทานอาหารที่ปนเปื้อนสารเคมี เช่น ของหมักดอง อาหารกระป๋อง
- รับประทานอาหารอย่างเร่งรีบ ไม่เคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน
- ไม่ค่อยรับประทาน ผักสด ๆ ผลไม้สด ๆ จนถ่ายไม่เป็นเวลาหรือท้องผูก
ดังนั้นหากคุณเลิกนิสัยดังกล่าวนี้แล้วรับประทานแต่ ผักผลไม้ สด อาหาร รสไม่หวานจัด เลิกขนม ของหวาน น้ำอัดลมต่างๆ คุณจะได้ผลที่น่าพอใจแน่นอน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)